บทที่8
ชีวิตง่ายๆในโลกดิจิทัล
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
การใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารที่กว้างไกล ท ำให้ผู้คนในพื้นที่ต่าง ๆ สามารถใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างกว้างขวางไร้พรมแดนความส ำคัญของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ความส ำคัญของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะสามารถพิจารณาได้จากคุณสมบัติของพาณิชย์
อิเล็กทรอนิกส์8 ประการ ดังนี้
1. ใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา
2. เข้าถึงได้ทั่ว
3. การมีมาตรฐานสากล
4. การรองรับสื่ออย่างครบถ้วนสมบูรณ์
5. การมีปฏิสัมพันธ์
6. การมีข้อมูลที่รองรับการใช้งานมาก
7. การตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละบุคคล
8. การมีเทคโนโลยีสังคม
ความหมายของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์(E-Business) หมายถึง การด าเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ต่าง ๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์การใช้คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และอินเทอร์เน็ต เพื่อท าให้กระบวนการทางธุรกิจมีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของคู่ค้าและลูกค้าให้ตรงใจและรวดเร็ว เพื่อลดต้นทุน และขยายโอกาสทางการค้าและการบริการ
ซึ่งธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์นั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะได้แก่
1. การติดต่อสื่อสารและประสานการท างานร่วมกัน
2. การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
3. ระบบธุรกิจภายในองค์การ
รูปแบบของการด ำเนินการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
พิจารณาในมุมมองของผู้จ ำหน่ายสินค้านั้นสามารถ
ด ำเนินการได้ 2 รูปแบบ คือ
1. มีร้านจ ำหน่ายสินค้าและขายผ่านเว็บไซต์ด้วย (Click and Mortar)
2. มีการจ าหน่ายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว (Click and Click)
รูปแบบของการด ำเนินการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
พิจารณาในมุมมองของผู้จ ำหน่ายสินค้านั้นสามารถ
ด ำเนินการได้ 2 รูปแบบ คือ
1. มีร้านจ ำหน่ายสินค้าและขายผ่านเว็บไซต์ด้วย (Click and Mortar)
- จ ำหน่ายสินค้าจะมีการเปิดร้านจ ำหน่ายสินค้าอยู่จริง
- มีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางในการท ำการค้า
- มีการเชื่อมโยงทั้งสองทางเข้าด้วยกัน
- ขยายความสามารถของร้านค้าให้เข้าถึงผู้ซื้อได้มากยิ่งขึ้น
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้มาก เช่น เว็บไซต์เคเอฟซี (www.kfc.co.th) เว็บไซต์ซีเอ็ด (www.seed.com)เป็นต้น
2. มีการจ าหน่ายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว (Click and Click)
- รูปแบบนี้ผู้จ ำหน่ายสินค้าจะมีเพียงเว็บไซต์เพียงช่องทางเดียวในการท ำการค้า เช่นเว็บไซต์Tarad (www.tarad.com) เป็นต้น
- สะดวกส ำหรับผู้ที่เริ่มลงทุนเพราะใช้ต้นทุนน้อย และใช้บุคคลน้อยกว่า
พิจารณารูปแบบในมุมมองของความจ ำเป็นในการที่ต้องมีเว็บไซต์ในการท าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
แล้วนั้น ก็จะสามารถพิจารณาได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
1. การท ำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบไม่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง
2. การท ำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง
ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
จากหลักการของคู่ค้าเมื่อพิจารณาความเกี่ยวข้องกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้วจะแบ่งกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่
- กลุ่มธุรกิจ (Business)
- กลุ่มรัฐบาล (Government)
- กลุ่มประชาชน (Citizen) ผู้บริโภค (Consumer) หรือ ลูกค้า (Customer)
ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกันในทางพาณิชย์อิเล็กทรอมี 5 ลักษณะดังนี้
1. Business to Consumer หรือ Business to Customer (B2C)
- เป็นลักษณะที่กลุ่มธุรกิจให้บริการขายสินค้าแก่ลูกค้าห รือผู้บ ริโภค ซึ่งจะเป็นป ระเภทที่พบได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Zalora(http://www.zalora.co.th) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จ าหน่ายสินค้าเครื่องประดับเครื่องแต่งกายให้กับลูกค้าทั่วไป
2. Business to Business (B2B)
- เป็นลักษณะที่กลุ่มธุรกิจให้บริการขายสินค้ากับกลุ่มธุรกิจด้วยกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะขององค์การขนาดใหญ่ที่มีการซื้อขายวัตถุดิบระหว่างกัน เช่น ธุรกิจซีพีออลล์ ธุรกิจMicrosoft ธุรกิจCisco เป็นต้น
3. Business to Government (B2G)
- เป็นลักษณะที่กลุ่มธุรกิจให้บริการกับกลุ่มรัฐบาล เช่น การให้บริการจัดซื้อจัดจ้างแก่หน่วยงานรัฐบาล ซึ่งเป็นการอ ำนวยความสะดวกแทนหน่วยงานภาครัฐที่จะต้องเป็นผู้การด ำเนินเองทั้งหมด ก็ให้กลุ่มธุรกิจเอกชนด าเนินการลงทุนเทคโนโลยีต่าง ๆ แทนให้ ตัวอย่างเช่น บริษัท กสทโทรคมนาคม จ ำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการในการซื้อจัดจ้างในลักษณะการประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์(E-Auction) ให้หน่วยงานภาครัฐ
4. Government to Citizen (G2C)
- เป็นลักษณะที่กลุ่มรัฐบาลให้บริการ (ฟรี) กับกลุ่มประชาชน ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์
5. Consumer to Consumer (C2C)
- เป็นลักษณะที่กลุ่มผู้บริโภคขายสินค้าให้กับกลุ่มผู้บริโภคด้วยกันเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นการค้าปลีก สินค้าท ำเอง หรือสินค้ามือสอง และมักจะอาศัยเว็บไซต์ตลาดกลางในการขายสินค้า เช่น การซื้อขายสินค้าด้วยกันเองของผู้บริโภคโดยผ่านบริการของเว็บไซต์ Pantip Market(http://www.pantipmarket.com)
ประเภทสินค้าและบริการที่พบของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1) กลุ่มสินค้าที่จับต้องได้
- เป็นสินค้าในรูปวัตถุสิ่งของ เช่น นาฬิกา โทรศัพท์หนังสือ ซีดี/ดีวิดี เป็นต้น
- ผู้ซื้อจะต้องอาศัยการสังเกตและความรอบคอบต่อผู้จ ำหน่าย
- ผู้ซื้อไม่สามารถจับต้องหรือได้เห็นสินค้าจริงก่อนที่จะสั่งซื้อ
- มีโอกาสที่ได้สินค้าไม่ตรงกับความต้องการ
- ต้องอาศัยการจัดส่งมายังลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ผู้จ ำหน่ายได้จัดเตรียมไว้อีกด้วย
2) กลุ่มสินค้าที่จับต้องไม่ได้
- ผู้ซื้อท ำการดาวน์โหลด ภายหลังการช ำระเงิน
- สินค้าในกลุ่มนี้ได้แก่ เกมส์ เพลง หรือโปรแกรมต่าง ๆ เป็นต้น
- ข้อดีอาจมีตัวทดลองในลักษณะแชร์แวร์ (Share Ware) ไว้ให้ผู้ซื้อได้ทดลองใช้ก่อนตามเงื่อนไข ถ้าหากพึงพอใจค่อยติดต่อซื้อในภายหลัง
- สิ่งที่ต้องระวังของการซื้อสินค้าในรูปแบบนี้คือ การเชื่อมต่อสัญญาณเพื่อดาวน์โหลด เนื่องจากบางครั้งถ้าผู้ซื้อดาวน์โหลดด้วยระบบโทรศัพท์อาจจะมีค่าบริการโทรศัพท์ในการดาวน์โหลดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไฟล์ที่มีขนาดใหญ่และสัญญาณอาจไม่คมชัด
3) กลุ่มบริการ
- เไม่ได้ขายสินค้า แต่เน้นให้บริการ เช่น บริการจองตั๋วภาพยนตร์ จองตั๋วคอนเสิร์ต จองซื้อทัวร์หรือตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
- บริการเหล่านี้ผู้ใช้บริการจะต้องตรวจสอบผู้ให้บริการก่อนถึงความน่าเชื่อถือ การรับประกันบริการ รวมถึงเงื่อนไขความรับผิดชอบของการให้บริการ
กระบวนการซื้อสินค้าด้วยรูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ขั้นที่ 1 การค้นหา
ขั้นที่ 2 การเลือก
ขั้นที่ 3 การซื้อสินค้าและบริการทางอิเล็กทรอนิกส์
ขั้นที่ 4 การจัดส่งสินค้า
ขั้นที่ 5 การบริการหลังการขาย
ขั้นที่ 6 การประเมินผลหลังการขาย
การช ำระเงินกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Wallets)เป็นแนวคิดในการสร้างข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ต
ของลูกค้าแต่ละคนให้เสมือนเป็นกระเป๋าเงินตามปกติงภายในระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะ
ประกอบด้วยข้อมูล เช่น ข้อมูลตัวบุคคลเจ้าของระบบ ข้อมูลที่อยู่ ข้อมูลบัตรเครดิต เงินสดอิเล็กทรอนิกส์(Electronic cash) เป็นต้น เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic cash) คือ จำนวนเงินที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการคำนวณการเก็บ และการใช้การจ่ายผ่านทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- เช็คอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Checks)ีพื้นฐานจากเช็คโดยปกติที่เป็นกระดาษ แต่ได้มีการ
ปรับเปลี่ยนโดยน าเทคโนโลยีมาประกอบการท างานให้มีความสะดวกขึ้น
- การช ำระผ่านบริษัทไปรษณีย์ไทย บริษัทไปรษณีย์ไทยท าหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดส่งเงินหรือ
เอกสารแทนเงิน จากผู้ซื้อไปยังผู้จำหน่าย ีบริการที่หลายลักษณะ เช่น บริการธนาณัติ บริการตั๋วแลกเงิน
บริการไปรษณีย์เก็บเงิน รวมไปถึงบริการเพย์ แอท โพสท์ การใช้บริการทางการเงินของบริษัทไปรษณีย์ไทยในปัจจุบันก็มีความสะดวกเนื่องจากมีหน่วยให้บริการในพื้นที่ต่าง ๆค่อนข้างมาก
- การช ำระเงินผ่านธนาคาร การใช้บริการช ำระค่าสินค้าผ่านทางธนาคารส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของการ
โอนเงินลูกค้าจะต้องทราบหมายเลขบัญชี หรือข้อมูลผู้จ ำหน่ายสินค้าก่อนจึงจะช ำระเงินได้ ซึ่งวิธีการนี้มีความสะดวกเนื่องจากในปัจจุบันมีบริการของธนาคารออนไลน์ หรือตู้ATM มากขึ้น แต่มีความเสี่ยงถ้าหากผู้ซื้อโอนเงินไปให้ก่อนแต่ผู้จ ำหน่ายยอมไม่ส่งสินค้ามาให้
การช ำระเงินผ่านบัตรช ำระเงิน
1. บัตรเครดิต (Credit Card) เป็นบัตรที่มีการให้วงเงินพิเศษกับผู้ถือบัตร ซึ่งใช้ในการซื้อสินค้า และเมื่อ
ถึงก าหนดจ่ายเงิน จึงจ่ายเงิน ซึ่งสามารถจ่ายแบบเต็มจ านวนหรือบางส่วนก็ได้ตามแต่เงื่อนไขของบริษัทผู้ออกบัตร
อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของข้อมูลที่มีการถ่ายโอนทางอินเทอร์เน็ตยังเป็นที่วิตกส าหรับลูกค้า ผู้ให้บริการบัตร
เครดิต ได้แก่ บริษัทวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดก็ได้ใช้วิธีการรักษาความปลอดภัย ที่เรียกว่า SET (Secure
Electronic Transaction) ท าให้มีความมั่นใจในการใช้บริการได้มากยิ่งขึ้น
2. บัตรเดบิต (Debit Card) เป็นบัตรที่มีการเชื่อมโยงวงเงินเข้ากับบัญชีเงินฝาก ดังนั้นในการใช้บัตรใน
การซื้อสินค้า จะต้องมีเงินคงเหลือในบัญชีและเมื่อซื้อสินค้าก็จะตัดวงเงินจากบัญชีโดยทันที
3. บัตรชาจต์ (Charge Card) เป็นบัตรที่ใช้ซื้อสินค้าก่อนแล้วจ่ายภายหลัง คล้ายบัตรเครดิต แต่จะไม่มี
การจ ากัดวงเงินในการใช้จ่าย และเมื่อถึงก าหนดช าระเงินจะต้องจ่ายเต็มจ านวน เช่น บัตร American Express
เป็นต้น
การช ำระเงินผ่านผู้ให้บริการ
1. PayPal (www.paypal.com) เป็นบริษัทระดับโลกที่เป็นตัวกลาง ให้บริการโอนเงินและรับช าระเงินใน
การซื้อสินค้า
2. PaySbuy (www.paysbuy.com) เป็นบริษัทที่ให้บริการคล้ายคลึงกับ PayPal แต่เป็นบริษัทใน
ประเทศไทย
มีหลายลักษณะ เช่น การฉ้อโกงทางโทรศัพท์ โดยการหลอกคืนภาษีและให้ท าธุรกรรมผ่านตู้ATM
การส่งข่าวสารปลอมผ่านทางอีเมล์ (Phishing) โดยหลอกให้ผู้ใช้เข้าใจว่ามาจากองค์การที่น่าเชื่อถือ และสร้าง
เว็บไซต์ปลอมที่เหมือนกับเว็บไซต์จริงแล้วหลอกให้ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่มีความส าคัญลงไป การ
โกงของมือสองออนไลน์ เช่น การสร้างเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า แต่ไม่มีสินค้าอยู่จริง ๆ และเมื่อลูกค้าจ่ายเงิน ก็ไม่มี
สินค้าส่งให้ ซึ่งถ้าลูกค้าจะติดตามก็ท าได้ยาก เพราะข้อมูลที่ปรากฏทางเว็บไซต์อาจจะเป็นข้อมูลปลอม เป็นต้น
- การคุกคามความเป็นส่วนตัว (Invasion of privacy)
การคุมคามความเป็นส่วนตัว เช่น สแปมเมล์ (Spam Mail) เป็นประเภทหนึ่งของอีเมล์ขยะ (Junk
Mails) โดยจุดประสงค์ของผู้ส่งสแปมเมล์ มักต้องการโฆษณาสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ไปหาคนจ านวนมาก โดยผู้
ส่งไม่จ าเป็นต้องรู้จักเป้าหมายมาก่อน และการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค เช่น การดักฟังโทรศัพท์
หรือ การบันทึกพฤติกรรมการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของลูกค้า เพื่อน าไปใช้ประโยชน์ทางการค้า เป็นต้น
- ความไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (Lack of internet access)
เนื่องจากการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นจ าเป็นต้องอาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าหากพื้นที่ในการให้บริการของอินเทอร์เน็ตไม่ครอบคลุม ก็จะส่งผลต่อการท าธุรกิจ รวมถึงความคมชัด หรือความแรง
ของสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ส่งผลต่อการท าธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- ขอบเขตอ านาจของกฎหมายและภาษี(Legal jurisdiction and taxation)
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ถึงแม้จะเป็นการท าการค้าไร้พรมแดน แต่ในบางประเทศนั้นจะมีการกำหนดข้อกฎหมายควบคุม หรือห้ามจ าหน่ายสินค้าบางอย่าง เช่น อาวุธ หรือยา เป็นต้น รวมไปถึงอาจมีการ
ก ำหนดอัตราภาษีต่าง ๆ ไว้เพื่อควบคุมการจ าหน่ายสินค้า
- กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Wallets)เป็นแนวคิดในการสร้างข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ต
ของลูกค้าแต่ละคนให้เสมือนเป็นกระเป๋าเงินตามปกติงภายในระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะ
ประกอบด้วยข้อมูล เช่น ข้อมูลตัวบุคคลเจ้าของระบบ ข้อมูลที่อยู่ ข้อมูลบัตรเครดิต เงินสดอิเล็กทรอนิกส์(Electronic cash) เป็นต้น เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic cash) คือ จำนวนเงินที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการคำนวณการเก็บ และการใช้การจ่ายผ่านทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- เช็คอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Checks)ีพื้นฐานจากเช็คโดยปกติที่เป็นกระดาษ แต่ได้มีการ
ปรับเปลี่ยนโดยน าเทคโนโลยีมาประกอบการท างานให้มีความสะดวกขึ้น
- การช ำระผ่านบริษัทไปรษณีย์ไทย บริษัทไปรษณีย์ไทยท าหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดส่งเงินหรือ
เอกสารแทนเงิน จากผู้ซื้อไปยังผู้จำหน่าย ีบริการที่หลายลักษณะ เช่น บริการธนาณัติ บริการตั๋วแลกเงิน
บริการไปรษณีย์เก็บเงิน รวมไปถึงบริการเพย์ แอท โพสท์ การใช้บริการทางการเงินของบริษัทไปรษณีย์ไทยในปัจจุบันก็มีความสะดวกเนื่องจากมีหน่วยให้บริการในพื้นที่ต่าง ๆค่อนข้างมาก
- การช ำระเงินผ่านธนาคาร การใช้บริการช ำระค่าสินค้าผ่านทางธนาคารส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของการ
โอนเงินลูกค้าจะต้องทราบหมายเลขบัญชี หรือข้อมูลผู้จ ำหน่ายสินค้าก่อนจึงจะช ำระเงินได้ ซึ่งวิธีการนี้มีความสะดวกเนื่องจากในปัจจุบันมีบริการของธนาคารออนไลน์ หรือตู้ATM มากขึ้น แต่มีความเสี่ยงถ้าหากผู้ซื้อโอนเงินไปให้ก่อนแต่ผู้จ ำหน่ายยอมไม่ส่งสินค้ามาให้
การช ำระเงินผ่านบัตรช ำระเงิน
1. บัตรเครดิต (Credit Card) เป็นบัตรที่มีการให้วงเงินพิเศษกับผู้ถือบัตร ซึ่งใช้ในการซื้อสินค้า และเมื่อ
ถึงก าหนดจ่ายเงิน จึงจ่ายเงิน ซึ่งสามารถจ่ายแบบเต็มจ านวนหรือบางส่วนก็ได้ตามแต่เงื่อนไขของบริษัทผู้ออกบัตร
อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของข้อมูลที่มีการถ่ายโอนทางอินเทอร์เน็ตยังเป็นที่วิตกส าหรับลูกค้า ผู้ให้บริการบัตร
เครดิต ได้แก่ บริษัทวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดก็ได้ใช้วิธีการรักษาความปลอดภัย ที่เรียกว่า SET (Secure
Electronic Transaction) ท าให้มีความมั่นใจในการใช้บริการได้มากยิ่งขึ้น
2. บัตรเดบิต (Debit Card) เป็นบัตรที่มีการเชื่อมโยงวงเงินเข้ากับบัญชีเงินฝาก ดังนั้นในการใช้บัตรใน
การซื้อสินค้า จะต้องมีเงินคงเหลือในบัญชีและเมื่อซื้อสินค้าก็จะตัดวงเงินจากบัญชีโดยทันที
3. บัตรชาจต์ (Charge Card) เป็นบัตรที่ใช้ซื้อสินค้าก่อนแล้วจ่ายภายหลัง คล้ายบัตรเครดิต แต่จะไม่มี
การจ ากัดวงเงินในการใช้จ่าย และเมื่อถึงก าหนดช าระเงินจะต้องจ่ายเต็มจ านวน เช่น บัตร American Express
เป็นต้น
การช ำระเงินผ่านผู้ให้บริการ
1. PayPal (www.paypal.com) เป็นบริษัทระดับโลกที่เป็นตัวกลาง ให้บริการโอนเงินและรับช าระเงินใน
การซื้อสินค้า
2. PaySbuy (www.paysbuy.com) เป็นบริษัทที่ให้บริการคล้ายคลึงกับ PayPal แต่เป็นบริษัทใน
ประเทศไทย
ภัยคุกคามต่อพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- ความปลอดภัย (Security)
การใช้งานพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะมีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของการใช้งาน เช่น การจารกรรมข้อมูลบัตรเครดิต เป็นต้น
- ทรัพย์สินทางปัญญา (Theft of intellectual property)
การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น การละเมิดลิขสิทธิ์เพลงออนไลน์ การขายสินค้าปลอม การปลอม
แปลงเครื่องหมายการค้า เป็นต้น ซึ่งการซื้อขายดังกล่าวเป็นการกระท าที่ผิดกฎหมาย และสินค้าที่เป็นของปลอมแปลงนั้น อาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภคด้วย
- กลโกงทางอินเทอร์เน็ต (Fraud)มีหลายลักษณะ เช่น การฉ้อโกงทางโทรศัพท์ โดยการหลอกคืนภาษีและให้ท าธุรกรรมผ่านตู้ATM
การส่งข่าวสารปลอมผ่านทางอีเมล์ (Phishing) โดยหลอกให้ผู้ใช้เข้าใจว่ามาจากองค์การที่น่าเชื่อถือ และสร้าง
เว็บไซต์ปลอมที่เหมือนกับเว็บไซต์จริงแล้วหลอกให้ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่มีความส าคัญลงไป การ
โกงของมือสองออนไลน์ เช่น การสร้างเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า แต่ไม่มีสินค้าอยู่จริง ๆ และเมื่อลูกค้าจ่ายเงิน ก็ไม่มี
สินค้าส่งให้ ซึ่งถ้าลูกค้าจะติดตามก็ท าได้ยาก เพราะข้อมูลที่ปรากฏทางเว็บไซต์อาจจะเป็นข้อมูลปลอม เป็นต้น
- การคุกคามความเป็นส่วนตัว (Invasion of privacy)
การคุมคามความเป็นส่วนตัว เช่น สแปมเมล์ (Spam Mail) เป็นประเภทหนึ่งของอีเมล์ขยะ (Junk
Mails) โดยจุดประสงค์ของผู้ส่งสแปมเมล์ มักต้องการโฆษณาสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ไปหาคนจ านวนมาก โดยผู้
ส่งไม่จ าเป็นต้องรู้จักเป้าหมายมาก่อน และการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค เช่น การดักฟังโทรศัพท์
หรือ การบันทึกพฤติกรรมการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของลูกค้า เพื่อน าไปใช้ประโยชน์ทางการค้า เป็นต้น
- ความไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (Lack of internet access)
เนื่องจากการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นจ าเป็นต้องอาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าหากพื้นที่ในการให้บริการของอินเทอร์เน็ตไม่ครอบคลุม ก็จะส่งผลต่อการท าธุรกิจ รวมถึงความคมชัด หรือความแรง
ของสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ส่งผลต่อการท าธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- ขอบเขตอ านาจของกฎหมายและภาษี(Legal jurisdiction and taxation)
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ถึงแม้จะเป็นการท าการค้าไร้พรมแดน แต่ในบางประเทศนั้นจะมีการกำหนดข้อกฎหมายควบคุม หรือห้ามจ าหน่ายสินค้าบางอย่าง เช่น อาวุธ หรือยา เป็นต้น รวมไปถึงอาจมีการ
ก ำหนดอัตราภาษีต่าง ๆ ไว้เพื่อควบคุมการจ าหน่ายสินค้า
กลโกง การป้องกัน และวิธีการแก้ปัญหาจากการใช้บริการ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- การหลอกประกาศขายสินค้า
- การหลอกลวงในการประมูลสินค้า
การป้องกันเพื่อการซื้อสินค้า
- ผู้ซื้อควรเลือกสินค้าหรือบริการจากผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ
- อย่าเห็นแกราคาสินค้าที่ถูกเกินไป
- ห้ามให้ข้อมูลสำคัญ
- ถ้าหากเป็นผุ้จำหน่ายสินค้ารายใหม่หรือยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาด ก็ไม่ควรโอนเงินหสกยังไม่ได้รับสินค้า
- สังเกตการจดทะเบียนพาริชย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้จำหน่ายสินค้า
- สังเกตการใช้โปรโตคอล
- มีการใช้ใบรับรองดิจิตอล
วิธีการแก้ปัญหาเมื่อพบว่าโดนโกง
ถ้าหากลูกค้าพบปัญหาว่าตนเองโดนโกงไปแล้วควรรวบรวมข้อมูลหลักฐาน เพื่อติดตามคนร้าย
อาทิเช่น
- หมายเลข IP address ของคนร้าย (ช่วงเวลาและสถานที่)
- หมายเลขโทรศัพท์คนร้าย
- E-Mail คนร้าย
- บัตรประชาชนที่คนร้ายใช้อ้าง
- วัน เวลา สถานที่ ลงประกาศ นัดเจอ โอนเงิน
- เลขบัญชี การเดินทางของเงินในบัญชี ทั้งข้อมูลธนาคาร สาขา การโอนเงิน
- การสังเกตน้ำเสียงและลักษณะของคนร้าย
ข้อแนะน ำในการพิจารณาความปลอดภัยในการใช้บริการ
- ราคาถูกกว่าท้องตลาดมาก
- ทดลองสั่งซื้อสิค้าจำนวนน้อยๆก่อน
- อย่าไว้ใจข้อมูลในเว็บไซต์
- ตรวจหาประวัติผู้ขาย
- มีผู้เคยได้รับสินค้าแล้วหรือไม่
จริยธรรมและมารยาทในการใช้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- ด้านการสนทนา ทั้งผู้ซื้อและผู้จำหน่ายควรรักษามารยาทในการสนทนาเลือกใช้ภาษาที่สุภาพ
- ด้านการเลือกซื้อสินค้า ผู้ซื้อสินค้าก็ควรเลือกซื้อสินค้าที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ รวมถึงถูกต้อง
ตามกฎหมายของประเทศ
- ด้านการชำระเงิน ผู้ซื้อสินค้าควรชำระเงินให้ตรงตามกำหนดวันเวลาที่ผู้จำหน่ายสินค้าได้แจ้งไว้ เพื่อ
ไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องของการยกเลิกการขายโดยไม่ชำระเงิน
- ด้านการให้ข้อมูล ผู้ซื้อควรให้ข้อมูลที่เป็นจริง ที่จำเป็นแก่ผู้จำหน่ายสินค้าเพื่อเป็นการแสดงถึงความ
บริสุทธิ์ใจการซื้อสินค้า เพราะบางครั้งผู้จำหน่ายสินค้าเองก็อาจโดนลูกค้าโกงได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้รวมถึงถ้าหากผู้จำหน่ายสินค้ามีบริการในส่วนของการสอบถามความพึงพอใจ ในฐานะลูกค้าก็ควรให้ข้อมูลที่เป็นจริงเพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้จำหน่ายสินค้า และผู้ซื้อรายอื่น ๆ
- ด้านความไว้วางใจ ผู้ซื้อเองต้องเลือกซื้อจากผู้จำหน่ายสินค้าที่น่าเชื่อถือ อย่าเห็นแก่ของราคาถูก อย่าเชื่อใจและไว้ใจมากเกินไป หากเกิดปัญหาขึ้นมาภายหลังอาจจะยุ่งยากในการติดตาม
- ข้อสุดท้ายผู้ซื้อควรจะต้องเรียนรู้และท าความเข้าใจในวิวัฒนาการของเทคโนโลยี และกฎหมาย ที่
เกี่ยวข้องกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อยู่เสมอ
ข้อดีของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1. ประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางไปซื้อสินค้า เพียงแค่เลือกซื้อผ่านเว็บไซต์เท่านั้น
2. ประหยัดเวลาในการติดต่อ แค่ใช้เวลาไม่นานแค่เพียงไม่กี่วินาทีเราก็สามารถติดต่อซื้อสินค้าได้
3. การเปิดร้านค้าในอินเตอร์เน็ตเป็นการขยายตลาดสู่ทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะแค่ในประเทศ และยัง
ท ำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการได้เลือกซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น
4. ผู้จำหน่ายสินค้าสามารถเปิดร้านได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด และผู้บริโภคก็สามารถซื้อสินค้าได้ทุกวัน
ข้อเสียของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1. ผู้ซื้ออาจซื้อแล้ว แต่ไม่ได้รับสินค้าจริง หรือได้รับสินค้าที่ไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือสินค้าชำรุดเสียหายหรือสูญหาย
2. สินค้าอาจเป็นสินค้าที่ไม่ผ่านการทดสอบ หรือสินค้าไม่มีคุณภาพ
3. เสี่ยงต่อการถูกฉ้อโกง หรือถูกโกงราคาหรือถูกหลอกลวงได้ง่าย
4. ข้อมูลสินค้าบางอย่างอาจมีการโอ้อวดคุณภาพสินค้าเกินจริง โดยที่เราไม่สามารถตรวจสอบได้
5. ในระบบกฎหมายของไทย ยังไม่มีการให้ความคุ้มครองอย่างทั่วถึงเพียงพอ ความปลอดภัยในข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตจึงยังไม่ปลอดภัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น