วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

บทที่7สังคมโลกเสมือน


บทที่7
สังคมโลกเสมือน

          ความหมายของซอฟต์แวร์เครือข่ำยสังคมออนไลน์
ซอฟต์แวร์ที่ท ำให้ผู้คนสามารถนัดพบปะเชื่อมสัมพันธ์แลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นในเรื่องที่สนใจอย่างสร้างสรรค์หรือท ำงานร่วมกัน โดยมีคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง เกิดเป็นสังคมหรือชุมชนออนไลน์
แบ่งออกเป็น 4 ประเภท  ได้แก่
1. ประเภทการบริหารจัดการความรู้ (Knowledge Management)
2. ประเภทเครื่องมือการติดต่อสื่อสาร (Communication Tools)
3. ประเภทเครื่องมือเพื่อร่วมประสานงานแบบทันทีทันใด (Collaborative real-time editors)
4. ประเภทบริการสังคมเครือข่าย (Social Network Services)

ประเภทของซอฟต์แวร์เครือข่ำยสังคมออนไลน์
1. ประเภทกำรบริหำรจัดกำรควำมรู้ (Knowledge Management)
เก็บเรื่องราว การบันทึก การถามค ำถาม การตอบค ำถาม
การแสดงความเห็นหรือมุมมองต่าง ๆ ทั้งในเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องทั่ว ๆ ไป

  •  Blog

Blog มาจากศัพท์ค าว่า WeBlog ซึ่งถูกอ่านได้ว่า We Blog หรือ Web Log ือ การบันทึกบทความของ
ตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์โดยเนื้อหาของบล็อกนั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว โดยมีลักษณะคล้ายกับการเขียนไดอารี (diary) ในแบบออนไลน


  • Wiki

วิกิเป็นเครื่องมือที่พัฒนาในด้านของการจัดการความรู้มากที่สุด สร้างโดย วอร์ด คันนิงแฮม เมื่อปี พ.ศ. 2537 ในโครงการ
Portland Pattern Repository โดยได้เขียนโปรแกรมขึ้นด้วยภาษาเพิร์ลและติดตั้งลงที่เว็บ c2.com โดยชื่อของวิกิ  และวิกิวิกิ หมายถึง เร็วเร็ว

2. ประเภทเครื่องมือกำรติดต่อสื่อสำร (Communication Tools) เช่นการสื่อสารส่วนตัว การสื่อสารในการทำธุระกิจ เป็นต้น มีหลายประเภท เช่น อีเมล์ โปรแกรม โปรแกรมประชุมออนไลน์

3. ประเภทเครื่องมือเพื่อร่วมประสำนงำนแบบทันทีทันใด (Collaborative real-time
editors) เครื่องมือที่ใช้ในกิจกรรมการท างานร่วมกันเป็นกลุ่มใน
ลักษณะออนไลน์เช่น

  • Microsoft Office Online
  • Google Docs 
  • Zoho Docs
  • ShareLatex

  • 4. ประเภทบริกำรเครือข่ำยสังคม (Social Network Services)
    ซอฟต์แวร์ประเภทบริการเครือข่ายสังคม คือ ซอฟต์แวร์ที่ให้บริการผู้คนสามารถท ำความรู้จัก และ
    เชื่อมโยงกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชุมชนออนไลน์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นที่ที่ทุกคน           สามารถจ ำลองตัวเองไปในโลกที่เป็นโลกเสมือนในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลในสิ่งที่เราสนใจหรือกิจกรรมต่าง ๆ กับบุคคลอื่น ๆ ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกได้ ซอฟต์แวร์ประเภทบริการเครือข่ายสังคมส่วนใหญ่จะให้บริการอยู่ในรูปของโปรแกรมประยุกต์บนเว็บ (Web application)
    สามารถแบ่งประเภทของซอฟต์แวร์บริการเครือข่ายสังคมได้ดังนี้
    • Social Network Search Engines
    • Social Business-Oriented
    • Social Cataloging
    •  Social Bookmarking
    • Social Friends
    • Social Guides
    • Social Photo Sharing
    • Social Video Sharing
    • Social Online Storages
    1. Social Network Search Engines
    2.Social Cataloging ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บสิ่งต่างๆ ที่สนใจของตนเอง เช่น หนังสือ
    เพลง การ์ตูน ภาพยนต์ หรือสิ่งอื่นๆเป็นต้น


    3.Social bookmarking

    4. Social Friends เช่น facebook Twitter เปฝ้นต้น

    5.Social guides บริการแนะน ำสถานที่ต่างๆ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่มีอยู่จริง โดยผู้ใช้หรือผู้ที่ได้ไปสถานที่นั้นๆ มาก่อนได้แสดงความคิดเห็น เพื่อให้คนอื่นสามารถตัดสินใจก่อนไปสถานที่นั้น ปัจจุบันมีแอพลิเคชั่นบริการบนโทรศัพท์มือถือเพื่อความสะดวกในการใช้งานในการแนะน าเส้นทางอีกด้วย เช่น Foursquare

    6.. Social photo sharing เช่น Instagram เป็นต้น

    7.Social Video Sharing เช่นYoutube

    8.Social Online Storagesบริการพื้นที่ส พหรับจัดเก็บไฟล์เอกสาร หรือรูปภาพ แบบออนไลน์ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลาและยังสามารถแบ่งปันไฟล์เอกสารให้กับบุคคลอื่นได้ดู แก้ไข หรือดาวน์โหลดได้อีกด้วย 

    การวิวัฒนำกำรของกำรเติบโตของซอฟต์แวร์เครือข่ำยสังคม
    ออนไลน์
    ซอฟต์แวร์เครือข่ายสังคมออนไลน์เริ่มมีวิวัฒนาการโดยเริ่มมาจากระบบอีเมล ในปี ค.ศ. 1970 ซึ่งนับได้ว่า
    เป็นจุดเริ่มต้นของชุมชนผู้รับส่งใช้งานอีเมล ในปี ค.ศ. 1995 อีเมลเริ่มใช้งานแพร่หลายในกลุ่มคนทั่วไปจึงเกิดฟรีอีเมล 2 ค่ายใหญ่คือ Yahoo และ
    Hotmail ซึ่งสามารถสมัครใช้ได้ฟรี 

    ความปลอดภัยของกำรใช้ซอฟต์แวร์เครือข่ำยสังคมออนไลน
    ในการใช้ซอฟต์แวร์เครือข่ายสังคมออนไลน์นั้น เราจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่ร่วมอยู่ในเครือข่าย ดังนั้น
    เราพึงระลึกไว้เสมอว่า การกระท าใด ๆ ในอินเทอร์เน็ตนั้น เปรียบเสมือนเราได้กระท าจริง ๆ ดังนั้น สิ่งที่พึงระลึก
    ถึง เช่น
    • ความปลอดภัยของการใช้ข้อมูลส่วนตัว ในสังคมออนไลน์นั้น ยากที่จะตัดสินได้ว่า ใครดีหรือไม่ดีเพราะภาพลักษณ์และค ำพูดต่าง ๆ นั้น สามารถเสริมแต่งหรือบิดเบือนได้ ดังนั้น เราไม่ควรบอกหรือให้ข้อมูลส่วนตัวของเรากับคนที่เราไม่รู้จักในชีวิตจริง เช่น ไม่ให้ชื่อจริง-นามสกุลจริง เบอร์โทรศัพท์ เพราะสิ่งเหล่านี้ อาจจะก่อให้เกิดผลร้ายกับตัวเราเองในภายหลังได้
    • การรักษามารยาทในการสื่อสาร เมื่อเราเขียนลงอินเทอร์เน็ต นั่นย่อมหมายความว่า เราได้เผยแพร่ข้อความนั้นสู่สาธารณะแล้ว ดังนั้น เราจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราเขียนด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ค ำพูดในอินเทอร์เน็ตจริงเป็นเหมือนตัวแทนของเรา เช่น ในเว็บบอร์ด ถ้าเราใช้ถ้อยค าที่ไม่ดี ดูถูกผู้อื่น ก็จะส่งผลให้ผู้อื่นไม่พอใจ และเกิดการต่อว่ากันในเว็บบอร์ด และอาจจะส่งผลถึงการปิดเว็บบอร์ดไปเลยก็ได้
    • การเคารพในสิทธิของผู้อื่น ในที่นี้ หมายรวมไปถึงการไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ของผู้อื่นด้วย เช่นารไม่คัดลอกเอารูปหรือข้อความจากเว็บไซต์อื่นมาลงในบล็อกของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นต้น



    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น