บทที่ 10
กฎหมายและจริยธรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
1. กฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Law)
เพื่อรับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้เสมอข้อมูลที่ท าในกระดาษ อันเป็นการรองรับนิติสัมพันธ์ต่าง ๆ ซึ่งแต่เดิมอาจจะจัดท าขึ้นในรูปแบบของหนังสือให้เท่าเทียมกับนิติสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่จัดทำขึ้นให้อยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมตลอดทั้งการลงลายมือชื่อในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และการรับฟังพยานหลักฐานที่อยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
2. กฎหมายเกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signatures Law)
เพื่อรับรองการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยกระบวนการใด ๆ ทางเทคโนโลยีให้เสมอด้วยการลงลายมือชื่อธรรมดา อันส่งผลต่อความเชื่อมั่นมากขึ้นในการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดให้มีการกำกับดูแลการให้บริการ เกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตลอดจนการให้ บริการอื่น ที่เกี่ยวข้องกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
3. กฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึง และเท่าเทียมกัน
(National Information Infrastructure Law)
เพื่อก่อให้เกิดการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ อันได้แก่โครงข่าย
โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ สารสนเทศทรัพยากรมนุษย์ และโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศส าคัญอื่น ๆ อัน
เป็นปัจจัยพื้นฐาน ส าคัญในการพัฒนาสังคม และชุมชนโดยอาศัยกลไกของรัฐ ซึ่งรองรับเจตนารมณ์ส าคัญประการ
หนึ่งของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 78 (3) ใน
การกระจายสารสนเทศให้ทั่วถึง และเท่าเทียมกัน และนับเป็นกลไกส าคัญในการช่วยลดความเหลื่อมล้ าของสังคม
อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีศักยภาพในการปกครองตนเองพัฒนาเศรษฐกิจภายในชุมชน และนำไปสู่สังคมแห่งปัญญา และการเรียนรู้
4. กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Law)
เพื่อก่อให้เกิดการรับรองสิทธิ และให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอาจถูกประมวลผลเปิดเผยหรือ
เผยแพร่ถึงบุคคลจ านวนมากได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วโดยอาศัยพัฒนาการทางเทคโนโลยี จนอาจก่อให้เกิดการนำข้อมูลนั้นไปใช้ในทางมิชอบอันเป็นการละเมิดต่อเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้โดยค านึงถึงการรักษาดุลยภาพระหว่างสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร และความมั่นคงของรัฐ
5. กฎหมายเกี่ยวกับการกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (Computer Crime Law)
เพื่อก าหนดมาตรการทางอาญา ในการลงโทษผู้กระท าผิดต่อระบบการท างานของคอมพิวเตอร์ระบบ
ข้อมูล และระบบเครือข่าย ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองการอยู่ร่วมกันของสังคม
6. กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Funds Transfer Law)เพื่อก าหนดกลไกสำคัญทางกฎหมายในการรองรับระบบการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่เป็นการโอน
เงินระหว่างสถาบันการเงิน และ ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ในรูปของเงินอิเล็กทรอนิกส์ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบการทำธุรกรรมทางการเงิน และการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น
คณะกรรมการกฤษฎีกาได้น าร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และร่าง
พระราชบัญญัติลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์รวมเป็นฉบับเดียว โดยได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาและตราเป็นพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 ดังนั้นกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยในปัจจุบันจึงมีทั้งสิ้น 5 ฉบับ ได้แก่
1. พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544
2. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ พ.ศ...
3. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วย ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ…
4. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
5. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ…
พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544
ความเป็นมาของพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544
รับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการท าธุรกรรมหรือสัญญา
- รับรองตราประทับอิเลคทรอนิกส์ซึ่งเป็นสิ่งที่ สามารถระบุถึงตัวผู้ท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นเดียวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
- สามารถนำเอกสารซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ออกของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาใช้แทน ต้นฉบับหรือให้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้
- ส่งเสริมความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศ
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์
ความหมายของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
1. การกระทำใด ๆ ก็ตาม ที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันท าให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และทำ
ให้ผู้กระทำได้รับผลตอบแทน
2. การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งจะต้องใช้ความรู้เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ มาประกอบการกระผิด และต้องใช้ผู้มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ในการสืบสวน ติดตาม รวบรวมหลักฐาน เพื่อการด าเนินคดี จับกุม
อาชญากรคอมพิวเตอร์จะก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกจัดออกเป็น 9 ประเภท (ตาม
ข้อมูลคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจร่างกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์)
1) การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงการขโมยประโยชน์ในการลักลอบใช้บริการ
2) อาชญากรนำเอาระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดของตนเอง
3) การละเมิดสิทธิ์ปลอมแปรงรูปแบบ เลียนแบบระบบซอฟต์แวร์โดยมิชอบ
4) ใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพ เสียง ลามก อนาจาร และข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
5) ใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
6) อันธพาลทางคอมพิวเตอร์ที่เช้าไปก่อกวน ทำลายระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบจ่ายน้ า จ่าย
ไป ระบบการจราจร
7) หลอกลวงให้ร่วมค้าขายหรือลงทุนปลอม
8) แทรกแซงข้อมูลแล้วนำข้อมูลนั้นมาเป็น)ระโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ เช่น ลักลอบค้นหารหัสบัตร
เครดิตของผู้อื่นมาใช้ดักข้อมูลทางการค้าเพื่อเอาผลประโยชน์นั้นเป็นของตน
9) ใช้คอมพิวเตอร์แอบโอนเงินบัญชีผู้อื่นเข้าบัญชีตัวเอง
กรณีศึกษาอาชญากรรมและกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
กรณีที่ 1: นายจ้างหรือผู้บังคับบัญชา เปิด e-mail ลูกจ้างหรือผู้ใต้บังคับบัญชาอ่านได้หรือไม่?
กรณีที่ 2: การ Copy รูปภาพ/ข้อความบนเว็บไซต์ของผู้อื่นมาใช้ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทุกกรณีหรือ
เปล่า?
กรณีที่ 3: การหมิ่นประมาททางอินเทอร์เน็ต สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้หรือไม่?
กรณีที่ 4: การทำHyperlink อย่างไรไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ์?
กรณีที่ 5: โหลดโปรแกรมหรือเพลงทางอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายหรือเปล่า?
กรณีที่ 6: ซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์มา copy แจกเพื่อนได้หรือเปล่า?
คำแนะนำเพื่อป้องกันการกระทำความผิด
- ไฟล์วอลส่วนตัว (Personal Firewall)ไฟล์วอลล์ส่วนตัวคือซอฟแวร์ที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวซึ่งทำหน้าที่ป้องกันผู้บุกรุกหรือผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเราหรือช่วยป้องกันโปรแกรมที่ไม่ประสงค์ดี เช่น ไวรัส โทรจันสปายแวร์ ถูกติดตั้งลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวโดยที่เราไม่ทราบหรือไม่รู้ตัว ดังนั้นเราควรติดตั้งไฟล์วอลล์ส่วนตัวโดยสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บ
- การสวมรอยบุคคล (Identity Theft)ในปัจจุบัน การขโมยและการฉ้อฉลนั้น สามารถกระท าได้กับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันเอกสารส าคัญที่ใช้ระบุตัวตนมากมายได้ถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์และอาจเข้าถึงได้ โดยผู้บุกรุกโดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การขโมยเอกสารส าคัญนั้นอาจน าไปสู่การสวมรอยเป็นตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของเอกสารนั้น และอาจใช้ในการด าเนินเรื่องต่าง ๆ แทนเจ้าของโดยมิได้รับอนุญาตซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่นการขโมยบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อท าการลอ็กอินเข้าไปซื้อสินค้า ผลที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ถูก
- ข้อความฉับพลัน ห้องสนทนา และการแชร์ไฟล์บนอินเทอร์เน็ต (Instant Messaging, ChatRooms, File Sharing)ห้องสนทนาและการใช้ข้อความฉับพลันได้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้ว่าการสนทนาในทั้งสองรูปแบบจะมีประโยชน์อย่างมากในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือข้อมูลต่างๆ แต่ถ้าไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ให้ดีแล้ว ผลลบก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น การติดไวรัสหรือโทรจัน การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวการแชร์ไฟล์เป็นรูปแบบหนึ่งของการแลกเปลี่ยนข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ก็อาจเปิดโอกาสท าให้ผู้บุกรุกเข้ามาเอาไฟล์ในเครื่องของผู้ใช้งานไปได้ คำแนะนำ ให้หลีกเลี่ยงการส่งข้อความฉับพลัน การสนทนาในห้องสนทนาและการแชร์ไฟล์บนอินเทอร์เน็ต เพราะอาจก่อให้เกิดการละเมิดความเป็นส่วนตัวได้
- อีเมล์หลอกลวง (Instant Scams)ปัจจุบันได้มีอีเมล์หลอกลวงให้ผู้รับอีเมล์หลงเชื่อซึ่งหลาย ๆ ครั้งท าให้เกิดความเสียต่อผู้รับอีเมล์ เช่น การเสียเงิน เสียเวลา ปัจจุบันองค์กร Federal Trade Commission (FTC) ของสหรัฐอเมริกาได้ระบุอีเมล์ไว้ 12ประเภท ที่ผู้ใช้ต้องให้ความระมัดระวัง
2. อีเมล์การขายสินค้าที่มีกลุ่มผู้ใช้งานเป็นจ านวนมาก (Bulk E-mail) อีเมล์นี้จะเสนอรายชื่อกลุ่มผู้ใช้งานอีเมล์ซึ่งมีจำนวนมากและชักชวนว่าสามารถโฆษณาหรือขายสินค้าไปยังกลุ่มผู้ใช้งานอีเมล์นี้ได้
3. อีเมล์ลูกโซ่ชักชวนให้ผู้รับส่งเงินจ านวนเล็กน้อยไปยังผู้ส่งและส่งอีเมล์นี้ไปยังผู้อื่นต่อไป
4. การท ำงานที่บ้านโดยลงแรงเล็กน้อย อีเมล์นี้จะเสนอรายได้อย่างสม่ าเสมอ แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าและทำตามที่อีเมล์ขอให้ทำ แต่ผู้รับไม่มีทางได้รับค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสินกลับคืน
5. การรักษาสุขภาพและการควบคุมน้ำหนัก อีเมล์นี้จะเสนอยาประเภทต่างๆ ถ้าหลงเชื่อคำโฆษณา ซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
6. รายได้ก้อนโตโดยไม่ต้องเสียแรงมากนัก อีเมล์นี้จะเสนอวิธีร่ ารวยได้อย่างรวดเร็ว
7. สินค้าฟรี อีเมล์นี้จะเสนอให้สินค้าฟรีโดยช าระเงินเพียงเล็กน้อย เช่น เพื่อเข้าเป็นสมาชิก
8. โอกาสการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง อีเมล์นี้จะเสนอผลตอบแทนที่สูงกับการลงทุนที่ไม่มีความ เสี่ยงเงินที่ลงทุนไปก็จะสูญไปโดยเปล่าประโยชน์
9. ชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อเคเบิลทีวี อีเมล์นี้จะขายชุดอุปกรณ์
10. การให้เงินกู้หรือสินเชื่อโดยมีเงื่อนไขง่าย ๆ ซึ่งสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายจะไม่ใช้วิธีการส่งอีเมล์แบบนี้
11. การเคลียร์สินเชื่อ อีเมล์นี้จะเสนอช่วยเคลียร์ข้อมูลสินเชื่อที่ติดลบในบัญชีธนาคาร การท าตามที่เสนอถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
12. การเสนอให้รางวัลไปเที่ยวฟรี อีเมล์จะเสนอว่าท่านเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลไปเที่ยวฟรี ภายหลังก็จะพบว่าข้อเสนอนั้นไม่เป็นอย่างที่คิด หรือไม่ก็ต้องชะระเงินเพิ่มเติม
- สแปม (Spam)
สแปม คืออีเมล์ที่เป็นขยะ ผู้รับสแปมอาจจะต้องใช้เวลาในการจัดการกับสแปมจ านวนมากในแต่ละวัน
และ สแปมยังกีดขวางการทำงานของเมล์เซิฟเวอร์ทั่วโลก ซึ่งทำให้ทุกคนประสบกับปัญหาการเชื่อมต่อที่ช้าลงและเสียค่าใช้จ่ายในการเชื่อต่อที่สูงขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถจัดการกับสแปมได้อย่างเด็ดขาด แต่ก็สามารถลดระดับความรุนแรงลงได้ ดังนี้
o ไม่ส่งอีเมล์เพื่อตอบกลับสแปมที่ส่งมา การตอบกลับสแปมนั้นเท่ากับเป็นการยืนยันอีเมล์แอดเดรส
ของผู้รับว่ามีอยู่จริงและจะท าให้ผู้รับตกเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
o ใช้อีเมล์แอดเดรสประจ าเพื่อติดต่อกับผู้ที่ติดต่ออยู่ด้วยเป็นประจ า เช่น ผู้ร่วมงาน ครอบครัว สำหรับ
การส่งอีเมล์เพื่อจุดประสงค์อื่น ๆ ให้ใช้อีเมล์แอดเดรสต่างหาก
o ใช้ตัวกรองสแปม ให้เลือกชนิดที่เหมาะสมกับโปรแกรมอีเมล์ที่ใช้งานอยู่ให้มากที่สุด
- สปายแวร์ (Spyware)
สปายแวร์คือซอฟต์แวร์ใดๆ ที่ใช้ช่องทางการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นใช้เพื่อแอบส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้นั้นไปให้กับบุคคลหรือองค์กรหนึ่งโดยที่ผู้ใช้เองก็ไม่ทราบ โดยสปายแวร์ สามารถเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้โดยผ่านทางไวรัสคอมพิวเตอร์ เว็บที่เข้าไปดู หรือ อีเมล์ที่เปิดอ่าน คำแนะนำคือสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมตรวจสอบสปายแวร์มาใช้งานเช่นโปรแกรม “Ad-aware” (www.lavasoft.de)
- การหมิ่นประมาทหรือการทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง (Online Defamation)ข้อความทุกรูปแบบที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ต ต้องระวังไม่ให้เป็นข้อความอันเป็นเท็จหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวบุคคลหรือองค์กรที่ถูกพาดพิงกล่าวถึง หรือ อ้างอิง
- กิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตทั่วไปที่ถือว่าเป็นการกระท าที่ผิดกฎหมาย ได้แก่
o การเล่นการพนัน
o การซื้ออาวุธปืน
o การซื้อขายยาเสพติด
o การน าเสนอสื่อลามกทุกประเภท
o การบุกรุกคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย
o การพัฒนาและการแพร่ไวรัสคอมพิวเตอร์
o การท าให้เครือข่ายหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถใช้งานหรือให้บริการได้
- ปฏิบัติตัวอย่างไรให้ปลอดภัยจากการกระทำความผิด
1. ไม่ตัดต่อและเผยแพร่ภาพตัดต่อของผู้อื่น ที่ทำให้เขาเสียหายหรือเสียชื่อเสียง
2. ก่อนดาวน์โหลดโปรแกรมหรือข้อมูลจากเว็บไซต์ ควรอ่านเงื่อนไขให้ละเอียดเสียก่อน
3. ไม่ส่งต่อ (forward) อีเมล์ หรือคลิปวิดีโอภาพลามกอนาจารหรือข้อความที่ไม่เหมาะสม
4. ไม่เผยแพร่ spam mail หรือไวรัส
5. ไม่เปิดเผยมาตรการระบบคอมพิวเตอร์ให้ผู้อื่นล่วงรู้
6. ไม่ขโมยข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
7. ระวังการ chat กับคนแปลกหน้า อย่าหลงเชื่อเขาง่าย ๆ
8. อย่าลืมลงโปรแกรมป้องกันไวรัสและสปายแวร์
9. ไม่แฮกระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
10. ไม่ควรบันทึกรหัสผ่าน (Password) ไว้ในคอมพิวเตอร์ และควรเปลี่ยนรหัสผ่าน (password) ทุก ๆ 3
เดือน
11. ไม่แอบดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
12. ไม่น าเข้าข้อมูลหรือภาพลามกอนาจารเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์
13. อย่าแอบเข้าใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต
14. ให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนตัวผู้กระทำผิด
จริยธรรมกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
- ประโยชน์ของการมีจริยธรรม
1. ประโยชน์ต่อตนเอง ภาคภูมิใจ เป็นที่รักใคร่ เป็นคนดี
2. ประโยชน์ต่อสังคม สบสุข ปรองดอง สามัคคี
3. ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ความเจริญรุ่งเรือง สามัคคี ความพัฒนา
4. ประโยชน์ต่อองค์กรธุรกิจ ยกระดับมาตรฐานขององค์กร
5. ประโยชน์ต่อการดำรงรักษาไว้ซึ่งจริยธรรม เผยแพร่ รักษาจริยธรรมไปสู่รุ่นต่อไป
- จริยธรรมของนักคอมพิวเตอร์
1. มีความรับผิดชอบต่อการขายสินค้าและบริการ
2. ทำงานด้วยความศรัทธา และจริงใจ
3. รักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภค
4. นำเสนอคุณภาพสินค้าตามความจริง
5. ไม่เผยแพร่สิ่งที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคม
6. ทำตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบของสังคม
7. ทำประโยชน์ต่อสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น